6985 จำนวนผู้เข้าชม |
ความเป็นมา ของ ยาทารักษาแผลในปาก ขาวละออ Khaolaor Mouth Gel
ขาวละออเภสัชก่อตั้งเมื่อปี พ .ศ.2472 โดยหมอหลง ขาวละออ แพทย์และเภสัชกรแผนไทย แพทย์ผู้รักษาและผู้ชำนาญการปรุงยาแผนโบราณจากสมุนไพร
ผลิตภัณฑ์ของขาวลออเภสัช ที่มีชื่อเสียงได้แก่ ยาถ่ายพยาธิขาวละออ และยากวาดสมานลิ้นขาวละออ ยาถ่ายพยาธิขาวละออนั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นยาถ่ายพยาธิตำรับแรกจากสมุนไพรที่ได้ผล สามารถขับพยาธิออกได้ทั้งหมด ในขณะที่ยาถ่ายพยาธิในขณะนั้นไม่สามารถขับพยาธิออกได้ทั้งหมด ยาถ่ายพยาธิขาวละออจึงเป็นที่ยอมรับและมีชื่อเสียงมาก ดังจะเห็นได้จากการบันทึกไว้ในหนังสือชีวิตในวังเล่มที่หนึ่ง ของ ม.ล. นิลรัตน์ รวมทั้งเป็นที่ยอมรับว่าเป็นยาถ่ายพยาธิที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถขับพยาธิได้จริง
สำหรับยากวาดสมานลิ้นขาวละออนั้น เป็นยาอีกตำรับหนึ่งที่เป็นที่ยอมรับในประสิทธิผล และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง มาตั้งแต่เริ่มแรกเช่นกัน เป็นยาที่ใช้ในการดูแลสุขอนามัยในช่องปากของเด็กไทยมาถึง 90 ปี จากการรักษาหละละอองขุมขาวตั้งแต่เด็กแรกเกิด ซึ่งการรักษาสุขอนามัยในช่องปากของเด็กจะทำให้เด็กไม่เจ็บทรมานซึ่งจะทำให้ร้องไห้โยเยตลอดเวลาเป็นที่กังวลใจของพ่อแม่ และการที่เด็กเจ็บปากจะทำให้เด็กดูดนมไม่มีแรงหรือไม่ดูดนมทั้งๆที่กำลังหิว ส่งผลให้เด็กน้ำหนักน้อย เติบโตลดลง และส่งผลต่อภูมิต้านทานของร่างกาย จึงเจ็บป่วยได้ง่ายอีกทั้งแผ่นขุมขาวเมื่อเด็กกลืนลงไปก็จะก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยเป็นไข้ตามมาเป็นปัญหาวนเวียนสร้างภาระการเลี้ยงดูให้แก่พ่อแม่ ดังนั้น การกวาดยาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพจะป้องกันอาการเจ็บปากไม่สบายของเด็กตั้งแต่แรกเกิดได้ยากวาดสมานลิ้นขาวละออนี้ยังเป็นที่นิยมของผู้ใหญ่ที่เป็นแผลในปากเช่นกัน
จากยากวาดสมานลิ้นขาวละออนี้ได้พัฒนารูปแบบให้เหมาะสมกับยุคสมัยและเทคโนโลยีอยู่ตลอดมาจากแรกเริ่มสูตรตำรับมีรูปแบบเป็นยาแผ่นห่อด้วยแผ่นอลูมิเนียมแล้วบรรจุซองมีเส้นตารางบนแผ่นเพื่อหักแบ่งใช้ตามเหมาะสม โดยนำยามาฝนกับฝาละมีเติมน้ำสุกอุ่นเล็กน้อยพอได้เนื้อยาก็นำมาป้ายหรือกวาดในบริเวณปากที่เป็นแผล
ยาตำรับนี้ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางแต่รูปแบบการใช้อาจยังไม่สะดวกนั้น เมื่อมีเทคโนโลยีการตอกอัดเม็ดยาขาวละออเภสัชจึงปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นชนิดเม็ดผนึกด้วยอลูมิเนียมฟอล์ยนับว่าเป็นการพัฒนาครั้งที่ 2 บรรจุในซองกระดาษเช่นเดิมพร้อมเอกสารกำกับยาแนะนำวิธีใช้จึงนับได้ว่าเป็นการพัฒนาตามยุคสมัย และทำให้ผลิตภัณฑ์มีความสะอาดมากขึ้น ปกป้องความชื้นมากขึ้น สะดวกต่อการส่งไปจำหน่ายยังจังหวัดไกลๆทั่วประเทศ การขนส่งสมัยนั้นใช้การส่งด้วยรถไฟและรถยนต์ของ รสพ.องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ซึ่งปัจจุบันปิดกิจการไปแล้ว
ในราวปี พ.ศ.2517 ผู้บริหารรุ่นที่สอง คือ คุณบุญเรือน พงษ์บริบูรณ์ (บุตรสาวหมอหลง) และนายวราพงษ์ พงษ์บริบูรณ์ (บุตรเขย) ได้พัฒนาเป็นชนิดผง เนื่องจากแม้ชนิดเม็ดจะมีการพัฒนาขึ้น แต่ผู้ใช้ก็ยังต้องนำไปบดก่อนใช้ จึงพัฒนาเป็นชนิดผง และบรรจุผงยาในซองอลูมิเนียมด้วยเครื่องบรรจุอัตโนมัติซึ่งพิมพ์เลขที่การผลิตบนซองขณะบรรจุด้วย อาจนับได้ว่าเป็น การพัฒนารูปแบบครั้งที่ 3
ขณะเดียวกัน ในระหว่างการเดินทางเพื่อขยายตลาดในต่างจังหวัด ได้เห็นความยากจนในชนบทเนื่องจากไม่มีอาชีพเสริมนอกฤดูกาลทำนา และเกษตรกรรมอื่น จึงเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งสองท่านจึงเห็นพ้องต้องกันที่จะสอนอาชีพง่ายๆ ใช้เวลาฝึกฝนน้อย และสามารถทำเพื่อเสริมรายได้ได้โดยทันที ให้แก่ชาวบ้านตามชุมชนระหว่างเดินทาง
ภายหลังเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2512 ได้จัดตั้ง ชมรมส่งเสริมอาชีพวิทยาทาน โดยรวบรวมผู้มีจิตอาสา สอนอาชีพง่ายๆแก่ประชาชนผู้มาเรียนโดยไม่เก็บค่าสอน แรกเริ่มสอนที่ สันนิบาตเสรีชนแห่งประเทศไทย บริเวณตรงข้ามโรงเรียนมาแตร์เดอี ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ชมรมลุงขาวไขอาชีพ และภายหลังจดทะเบียนเป็น มูลนิธิลุงขาวไขอาชีพ และนายวราพงษ์ พงษ์บริบูรณ์ เป็นที่รู้จักกันในนาม "ลุงขาวไขอาชีพ"
จากภูมิปัญญาสู่การวิจัย ในราวปี 2543 พ.ญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ ผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์แผนไทยในขณะนั้น และทีมงานสนับสนุนการวิจัยตำรับยาแผนไทยได้ประสานงานการวิจัยสมุนไพร กับเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ นายจิรพันธ์ อรรถจินดา และกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ นายพูลทรัพย์ ปิยะอนันต์ เพื่อขอการสนับสนุนให้มีการวิจัยสมุนไพร ซึ่งเป็นเรื่องใหม่มากในขณะนั้น โดยได้คัดเลือกยาแผนโบราณที่เป็นยอมรับในท้องตลาดมาทำการวิจัย
ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ยากวาดสมานลิ้นขาวละออชนิดผง และทีมผู้ทำการวิจัยได้แก่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ผลการวิจัยพบว่า มีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้ดีช่วยให้แผลหายเร็ว และมีความปลอดภัยสูงอีกทั้งยังมีของสมุนไพรในตำรับยาที่ออกฤทธิ์เสริมกันให้เกิดผลการรักษาที่ดีแม้ใช้ยาในปริมาณน้อยมาก ซึ่งนำมาทั้งความยินดีที่ตำรับยานี้ให้ผลดีอย่างนึกไม่ถึงและแปลกใจไปพร้อมๆกันว่าผู้ปรุงตำรับทราบได้อย่างไรว่าตำรับนี้ให้ผลการรักษาที่ดีและปลอดภัยสูง และแต่งตำรับมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะให้แม้ในเด็กเล็กก็ใช้ได้
ดังนั้น ขาวละออเภสัช จึงได้นำผลการวิจัยนี้มาพัฒนาต่อเป็นชนิดเจลเพื่อทารักษาแผลในปาก และขึ้นทะเบียนตำรับเลขที่ โดยได้วิจัยเนื้อเจลที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก ผ่านโครงการ ผู้วิจัยคือ ผศ.ภญ.เอมอร ชัยประทีป อาจารย์วิทยาลัยการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นเนื้อเจลที่ปลอดภัยสำหรับเด็กเล็กเท่านั้น แต่ยังปลอดภัยและเหมาะสมสำหรับบุคคลทั่วไปด้วยผลิตภัณฑ์Khaolaor Mouth Gel นี้ได้รับรางวัล ผลิตภัณฑ์สมุนไพรดีเด่นระดับชาติ (PMHA Award) เดือนมีนาคม 2562 และได้นำไปแสดงในงานสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ กรุงเจนีวา สหพันธรัฐสวิส 47 International Exhibition of Invention) ได้รับรางวัลเหรียญทอง เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2562 และ Special Prize on Stage จาก Ministry of Science and Higher Education of the Russian Federation อีกด้วย
แรงบันดาลใจและเป้าหมายของขาวละออเภสัชคือ ในปัจจุบัน รูปแบบของผลิตภัณฑ์ควรเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย จากผงยาสีดำของยากวาดสมานลิ้นขาวละออ แม้จะได้ผลดีมาก แต่อาจไม่เหมาะกับการทาออกนอกบ้าน หรือแม้ใช้ในบ้าน ผู้ใช้ก็อาจรู้สึกเปรอะเปื้อน ดังนั้นรูปแบบเจลจึงเป็นรูปแบบที่เหมาะสม แต่ยาทารักษาแผลในปากที่มีจำหน่ายอยู่ เป็นยาแผนปัจจุบันที่มีตัวยาสเตียรอยด์เป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งเป็นยาที่ให้ผลการรักษาที่ดี แต่การใช้ยาที่มีสเตียรอยด์ก็มีข้อจำกัด เช่นไม่ควรใช้ในเด็กหรือสตรีมีครรภ์ ไม่ควรใช้กับแผลที่ติดเชื้อรา และการใช้บ่อยๆก็ทำให้การตอบสนองต่อยาช้าลงอีกด้วย
ดังนั้นการพัฒนายากวาดสมานลิ้นขาวละออให้เป็นชนิดเจลจึงสามารถใช้ในเด็กเล็กได้ ใช้ในผู้ใหญ่ได้ ใช้ได้บ่อยเท่าที่ต้องการโดยไม่เปรอะเปื้อน ลดการอักเสบของแผล และช่วยให้แผลหายเร็ว มีความเหมาะสมทั้งทางด้านกายภาพและประสิทธิผล รวมถึงความปลอดภัยของผู้ใช้ด้วย และยังเป็นการแสดงถึงการพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพของประเทศไทยอีกด้วย และสามารถนับได้ว่าเป็นการพัฒนาครั้งที่ 4 เป็นการพัฒนาด้วยวิจัยและนวัตกรรม เป็นการพึ่งพาตนเอง ทั้งตัวยาหลักและเจลส่วนประกอบ โดยนักวิจัยไทยซึ่งได้รับการยอมรับในระดับโลก เป็นการใช้แต่เพียงน้อยแต่ได้ผลมาก เพราะตัวยาเสริมฤทธิ์กัน ตามวัตถุประสงค์ของยุค 4.0 ตามความปรารถนาในการพัฒนาของราชการอีกด้วย
ปัจจุบันขาวละออเภสัช ก่อตั้งมาครบ 90 ปี ดำเนินการผลิตด้วยกระบวนการทันสมัย ได้รับมาตรฐาน PIC/s GMP, ISO 9001 และได้รับการยอมรับถึงความมีคุณภาพและจริยธรรมจากหน่วยงานวิจัยและหน่วยงานราชการ เช่นรางวัล อย.ควอลิตี้อวอร์ด รางวัลผลิตภัณฑ์สมุนไพรดีเด่นระดับชาติ รางวัลผู้ประกอบการสมุนไพรดีเด่นระดับชาติ รางวัลเหรียญทางสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ เจนีวา เป็นต้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนามาเป็นอย่างดีนี้ รวมถึงผลิตภัณฑ์ของไทยที่มีคุณภาพอื่นๆ จะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคของไทยมากขึ้นโดยลำดับ เพื่อความภูมิใจของชาติและยกระดับความสามารถของการประกอบการและการวิจัยในทุกระดับ