1871 จำนวนผู้เข้าชม |
กว่า 94 ปี ของการเดินทาง 'ขาวละออเภสัช' หรือ 'บริษัท ขาวละออเภสัช จำกัด' หนึ่งในธุรกิจผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่ดูแลสุขภาพของคนไทยมาตั้งแต่ปี 2472 ภายใต้การบริหารงานจากรุ่นปู่สู่รุ่นลูก และกำลังส่งต่อไปยังรุ่นหลาน สะสม 3 เจเนอเรชั่น
ด้วยเป้าหมายการทำธุรกิจที่ไม่ได้ยึดผลกำไรเป็นหลัก แต่มุ่งมั่นพัฒนาสมุนไพร ภูมิปัญญาของคนไทย 'คนกินได้ประโยชน์ คนทำได้บุญ' ซึ่งเป็นหัวใจของพนักงานในองค์กรทุกคน
หากย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นสมัยรถหนังขายยา 'ขาวละออเภสัช' จะรู้จักในชื่อ 'ลุงขาวไขอาชีพ' ซึ่งเกิดจาก 'วราพงษ์ พงษ์บริบูรณ์' ผู้บริหารรุ่นที่ 2 ได้ริเริ่มขึ้นสอนอาชีพให้แก่ผู้มีรายได้น้อยนอกเหนือจากการขายยามาตั้งแต่ปี 2512 โดยผลิตภัณฑ์สมุนไพรยุคแรกๆ ได้แก่ ยาถ่ายพยาธิขาวละออ ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วประเทศ
หลังจากนั้นได้มีการศึกษาค้นคว้าจากบันทึกในหนังสือชีวิตในวังของ 'มล. เนื่อง นิลรัตน์' เล่มที่ 1 จนเกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยากวาดสมานลิ้นขาวละออ สำหรับดูแลสุขภาพในช่องปากได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด และใช้รักษาแผลในปากผู้ใหญ่ได้ดีก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ที่ได้รับความนิยม อย่างกว้างขวางทั่วประเทศเช่นกัน
'คน'+ไอทีขับเคลื่อนองค์กร
ดร.วัชรพงษ์ พงษ์บริบูรณ์ ผู้บริหารบริษัท ขาวละออเภสัช จำกัด รุ่นที่ 3 กล่าวกับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ว่าการเดินทางของขาวละออเภสัช มีประวัติความเป็นมายาวนาน ซึ่งหากเปรียบกับอายุคนต้องเรียกว่าเข้าสู่วัยเก๋าแต่ไฟยังคงได้รับการเติมเต็มอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เคยหยุดการพัฒนาตัวเอง ทั้งในเรื่องของการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ การสร้างความร่วมมือเครือข่ายทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อขยายตลาดผลิตภัณฑ์รวมทั้งการยกระดับสมุนไพรให้เป็นที่รู้จัก ได้รับมาตรฐานระดับสากลมากขึ้น
“ขณะนี้กำลังอยู่ในยุคเปลี่ยนจากเจเนอเรชั่น 3 เข้าสู่เจเนอเรชั่น 4 ซึ่งเป็นยุคที่ต้องมีการนำเทคโนโลยีกระบวนการผลิต การเรียนรู้ตลาดใหม่ๆ การเชื่อมโยงกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เพื่อการพัฒนาและผลิตยาสมุนไพร รองรับความต้องการของผู้บริโภค และโรคระบาดที่อาจจะเกิดขึ้นตลอดเวลา ดังนั้น สิ่งที่ให้ความสำคัญ นอกจากการพัฒนายาสมุนไพรร่วมกับนักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญทั้งในไทยและต่างประเทศแล้ว คือ การดูแลพนักงานมากกว่า 100 คน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนและความมั่นคงขององค์กรด้วย”ดร.วัชรพงษ์ กล่าว
เพราะว่าองค์กรจะมั่นคงได้ พนักงานทุกคนต้องได้รับความมั่นคงในการทำงานมาก่อน ซึ่งขาวละออเภสัช ได้มีการปรับตัวตลอดเวลา เพื่อให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยา สมุนไพรต้องคำนึงถึงมาตรฐาน คุณภาพ และความปลอดภัยเป็นสำคัญ ซึ่งการจะทำให้พนักงานทุกคนมั่นคงได้นั้น ต้องมีสวัสดิการที่รองรับพวกเขาอย่างเต็มที่ ข้อดีการเป็นธุรกิจครอบครัว พนักงานทุกคนรู้จักกันหมดไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายผลิต สำนักงาน หรือห้องแล็ป การดูแลจะเป็นในรูปแบบครอบครัว หากใครมีปัญหาสามารถเดินเข้ามาเล่า หรือขอความช่วยเหลือจากหัวหน้างาน หรือผู้บริหารได้
ผู้นำเปิดกว้างไม่เน้นสั่งการ
องค์กรจะอยู่ได้ยาวนานนอกจากการบริหารจัดการของผู้นำองค์กรแล้ว หัวใจสำคัญที่สุด คือ พนักงาน ซึ่งมีความหลากหลายเจเนอเรชั่น เพราะบางคนอยู่มาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ บางคนเป็นเด็กใหม่ ก็ต้องพยายามสร้างวัฒนธรรมองค์กร ให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม มีการประเมิน ปรับปรุงคุณภาพ จัดสภาพแวดล้อมที่ทำให้ทุกคนรู้จัก สนิทสนมกัน ทำงานเป็นทีมเดียวกัน
“ค่านิยมในการทำงาน จะเน้นหลักธรรมาภิบาล พนักงานจะต้องมีทัศนคติเดียวกับองค์กร คือ มีความอยากรู้อยากเห็น อยากทำ และต้องเป็นทีมเดียวกัน โดยเน้นการทำงานแบบคนทำได้บุญ คนกินได้ประโยชน์ เป้าหมายคือการยกระดับสมุนไพรไทยให้เป็นที่รู้จักระดับสากลมากขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น ดังนั้นผู้นำและพนักงานขององค์กรจึงเป็นส่วนสำคัญในการจะทำให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะผู้นำที่ต้องเป็นแบบอย่าง พูดและทำให้เกิดขึ้นจริง มีหลักธรรมาภิบาลในการบริหารงาน และต้องเป็นผู้นำที่ลุกขึ้นเดิน เพื่อจะได้เห็นการทำงาน เห็นคุณภาพชีวิตของคนทำงาน ไม่ใช่เป็นผู้นำที่นั่งฟังแต่รายงาน หรือสั่งการอย่างเดียว” ดร.วัชรพงษ์ กล่าว
สวัสดิการของ ชาวขาวละออเภสัช ไม่ได้เป็นไปตามหลักของกฎหมายแรงงานเท่านั้น แต่มีการเพิ่มคุณภาพชีวิตของพนักงาน ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ โครงการปลดหนี้ให้แก่พนักงาน สอนให้พนักงานออมเงิน เป็นการสร้างวินัยทางการเงิน เพราะเรื่องเงินเป็นเรื่องกวนใจพนักงานมากที่สุด รวมถึงการจัดสภาพแวดล้อมภายในให้เหมาะกับการทำงาน มีกิจกรรมเที่ยวประจำปี และมีการจัดวันพักผ่อนพิเศษ
หนุนเศรษฐกิจชีวภาพลดโลกร้อน
ดร.วัชรพงษ์ เล่าต่อไปว่าธุรกิจสมุนไพร เป็นเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) ซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจที่นำความรู้และนวัตกรรม โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาช่วยพัฒนาต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากรชีวภาพและผลผลิตทางเกษตรให้เป็นสินค้าและบริการที่ใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาคการเกษตร สุขภาพการแพทย์ และยังสร้างความสมดุลทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบันสมุนไพรได้รับความนิยมอย่างมาก ยิ่งขณะนี้โลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืน การแก้ปัญหาโลกร้อน ซึ่งสมุนไพร เป็นBioeconomy จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้ว ถ้าเราใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจะช่วยในการปลูกพืชสมุนไพรเพิ่มขึ้น ซึ่งพืชจะช่วยสร้างออกซิเจนและช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ลดภาวะโลกร้อนหัวใจสำคัญในการพัฒนาแบรนด์คือ มุ่งมั่นเน้นที่คำว่าคุณภาพเป็นหลัก การจะนำพาบริษัทให้ได้ 100 ปี สิ่งแรกที่ต้องคำนึงคือ การมีคุณธรรมจริยธรรม ทำให้ธุรกิจอยู่ในครรลองคลองธรรมจะนำพาธุรกิจให้อยู่อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
“คนที่เป็นผู้นำองค์กรต้องยึดมั่นในคุณธรรมจริยธรรม และการจะเกิดผลสำเร็จได้ ส่วนหนึ่งคือพ่อแม่ทำให้ลูกหลานเห็น โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับยา สำคัญคือจรรยาบรรณ ความปลอดภัยของผู้บริโภค หลังจากนี้ ขาวละออเภสัช จะมุ่งมั่นพัฒนากระบวนการผลิตยาสมุนไพร มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ๆ เข้ามาช่วย และเพิ่มกลยุทธ์การตลาดให้มากขึ้น เน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่ยังมีข้อจำกัดหลายๆ อย่าง เนื่องจากเป็นธุรกิจเกี่ยวกับยา และจะเดินหน้าพัฒนายาสมุนไพรตัวใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ สามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับผู้บริโภคหากมีข้อสงสัย”ดร.วัชรพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย